
adidas ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมสำหรับนักวิ่งหลาย ๆ คน เพราะด้วยความสวยงาม มีความเป็นแฟชั่นที่ไม่เป็นรองใคร อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพ มีความทนทานที่น่าเชื่อถือมาอย่างยาวนาน และมีแคมเปญอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีทีมวิ่งที่ชื่อว่า AR อยู่ทั่วโลกทำให้ adidas มียอดจำหน่ายรองเท้าวิ่งที่ติดตลาดอยู่ตลอด และนี่คือ 10 รองเท้าวิ่ง adidas ที่หลายคนต้องอยากได้อย่างแน่นอน
1. adidas Ultraboost DNA x Marimekko
adidas Ultraboost DNA x Marimekko รองเท้ารุ่นพิเศษที่ทางแบรนด์ adidas ได้นำเอารองเท้ายอดนิยมอย่างรุ่น Ultraboost DNA มา Collaborations กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากประเทศฟินแลนด์ Marimekko โดยมีเอกลักษณ์เป็นลายจุดแต้มไปที่ Upper ของรองเท้าและยังคงใช้วัสุดเป็นผ้า Primeknit ที่มีความยืดหยุ่นและระบายอากาศได้ดีเช่นเคย ส่วน Midsole เป็นเทคโนโลยี Boost ที่ช่วยรองรับแรงกระแทก และมี Outsole ที่ทำจากยาง Continental Better ที่ให้การยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมและมีความทนทานสูง วางจำหน่ายเมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา
จุดเด่น
เป็นรุ่นที่ Collaborations กับแบรนด์ Marimekko มีลายจุดที่เรียกว่า Räsymatto บนตัวรองเท้า และมีการใช้วัสดุรีไซเคิลที่เรียกว่า Primeblue ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 12 มม. ส้นเท้า 22 มม. น้ำหนักประมาณ 312 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งสายแฟชั่นที่ต้องการความโดดเด่นและแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครบนท้องถนน สามารถใช้วิ่งได้เรื่อย ๆ ในทุกวัน
ลิงค์สำหรับซื้อ
www.adidas.co.th/en/ultraboost
2. adidas Supernova+ ราคาป้าย 4300 บาท
adidas Supernova+ เป็นรองเท้ารุ่น+ ที่มีดีไซน์สวยงาม สำหรับ Upper ของคู่นี้จะใช้เป็นผ้า Engineered Mesh ตาข่าย 2 ชั้น ยืดหยุ่นไม่มีตะเข็บ ระบายอากาศได้ดีพอสมควร Logo แถบ 3 ขีดด้านข้างสามารถสะท้อนแสงได้ ในส่วนของ Midsole จะใช้ทั้งเทคโนโลยี Boost ที่ช่วยในเรื่องการส่งแรงคืนกลับและเทคโนโลยี Bounce ที่มีความเฟิร์มทำให้พื้นไม่ยวบจนเกินไป สุดท้ายบริเวณ Outsole จะใช้ยาง 2 แบบ โดยจะมียางทั้งแบบแข็งและแบบนิ่มช่วยในให้ความมั่นคงและการยึดเกาะที่แตกต่างกัน วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2021
จุดเด่น
มี Upper Engineered Mesh แบบไร้ตะเข็บ ส่วนพื้นชั้นกลางเป็นเทคโนโลยี Boost และ Bounce ช่วยในการซัพพอร์ตขณะวิ่ง และมีการใช้วัสดุรีไซเคิลจากโพลีเอสเตอร์ที่เรียกว่า Primegreen รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. น้ำหนักประมาณ 314 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งหน้าใหม่ ที่อยากได้รองเท้าที่มีเทคโนโลยีช่วยในการซัพพอร์ตเยอะ ๆ สามารถสวมใส่วิ่งช้า ๆ สบาย ๆ ได้ในทุกวัน
ลิงค์สำหรับซื้อ
3. adidas Ultraboost 21 ราคาป้าย 6500 บาท
adidas Ultraboost 21 ผ่านมาหลายต่อหลายรุ่นกับรองเท้าวิ่งยอดนิยมจนถึงรุ่นที่ 21 นี้ จะมีการใช้ Upper เป็นแบบ adidas Primeknit+ เป็นผ้าที่มีความยืดหยุ่นตามลักษณะเท้าของเราได้ดี ในส่วนของ Midsole ยังคงใช้เทคโนโลยี Boost ที่รองรับแรงกระแทกและส่งคืนพลังงานขณะใช้งานกลับคืนสู่นักวิ่ง และสุดท้าย Outsole Stretchweb ก็ยังคงเป็นยาง Continental ที่มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะได้ดี มีความทนทานเป็นอย่างมาก และมีการใช้วัสดุรีไซเคิล Primeblue ร่วมกับรองเท้าคู่นี้ด้วย ซึ่งได้วางจำหน่ายไปเมื่อต้นปี 2021
จุดเด่น
มีการใช้ผ้า Primeknit+ ที่ยืดกระชับเข้ากับเท้าของผู้สวมใส่ได้ดี มี Boost ที่เพิ่มขึ้นถึง6% และมีการใช้วัสดุรีไซเคิล Primeblue ช่วยลดขยะบนโลกของเรา ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 20.5 มม. ส้นเท้า 30.5 มม. น้ำหนักประมาณ 340 บาท
เหมาะสมกับ
นักวิ่งทั่ว ๆ ไป และนักวิ่งหน้าใหม่ที่ต้องการรองเท้าแบบสวมใส่วิ่งได้ง่าย ๆ มีซัพพอร์ตสบาย ๆ แบบไม่ต้องคิดมาก
ลิงค์สำหรับซื้อ
www.adidas.co.th/en/ultraboost-21
4. adidas Edge Lux 4 x Marimekko ราคาป้าย 3000 บาท
adidas Edge Lux 4 x Marimekko อีกหนึ่งรองเท้ารุ่นพิเศษ Limited Edition ที่เป็นการ Collaborations ระหว่าง 2 แบรนด์ที่มีชื่อเสียงทางด้านกีฬาและแฟชั่นอันโด่งดัง โดยรองเท้ารุ่นนี้ใช้ Upper เป็นผ้าทอลายของ Marimekko ที่มีความยืดหยุ่นพอสมควร โดยใช้วัสดุ Primegreen ที่มีการรีไซเคิลถึง 50% เชือกรองเท้าเป็นเชือกแบบแบนเส้นใหญ่กว่าปกติ บริเวณ Midsole ใช้เป็นเทคโนโลยี Bounce ที่ให้การเด้งตอบสนองได้ดี ส่วนสุดท้าย Outsole ทำจากยางที่ให้การยึดเกาะได้ดีพอสมควร และมันถูกวางจำหน่ายเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา
จุดเด่น
เป็นรองเท้ารุ่นที่ผลิตมาอย่างจำกัด Collaborations กับแบรนด์ Marimekko ใช้ผ้า Primegreen ที่มีวัสดุรีไซเคิลถึง 50% รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 9 มม. ส้นเท้า 19 มม. น้ำหนักประมาณ 246 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งนักกีฬาที่อยากได้รองเท้าวิ่งสายแฟชั่นไปใส่ทั้งวิ่งบนท้องถนนหรือใส่วิ่งในออกกำลังในยิมก็ได้ แถมมันยังสามารถนำไปใส่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายเท้า
ลิงค์สำหรับซื้อ
5. adidas 4D FWD ราคาป้าย 6800 บาท
adidas 4D FWD รองเท้าแห่งอนาคต ที่มี Upper แบบสวมเข้าไปเหมือนสวมถุงเท้า ใช้ผ้าเป็นแบบ adidas Primeknit+ ที่ให้ความกระชับและยืดหยุ่นในแต่ละส่วนแตกต่างกัน มีการระบายอากาศที่ดี บริเวณ Midsole ใช้เทคโนโลยี 4D FWD CELL แบบใหม่ที่ช่วยส่งแรงคืนผลักให้เราไปด้านหน้าและช่วยลดแรงเบรกในตอนวางเท้า สุดท้ายในส่วนของ Outsole เป็นยางที่ยึดเกาะได้ดีในทุกสภาพผิวรวมถึงในพื้นที่เปียกก็ยังยึดเกาะได้ดีด้วย วางจำหน่ายเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา
จุดเด่น
มี 4D FWD CELL ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของทางค่ายที่ช่วยซัพพอร์ตและส่งเราไปข้างหน้า ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 11.3 มม. ถือว่าสูงกว่ารองเท้ารุ่นอื่น ๆ พอสมควร ปลายเท้า 21.2 มม. ส้นเท้า 32.5 มม. น้ำหนักประมาณ 333 กรัม แล้วก็ยังมีน้ำหนักมากกว่ารองเท้ารุ่นอื่น ๆ เช่นกัน
เหมาะสมกับ
นักวิ่งหน้าใหม่และนักวิ่งที่อยากลองเทคโนโลยีแบบใหม่ ๆ สามารถใส่เป็นรองเท้า Daily Trainer ได้
ลิงค์สำหรับซื้อ
www.adidas.co.th/en/adidas-4dfwd
6. adidas Cloudfoam Pure 2.0 ราคาป้าย 2200 บาท
adidas Cloudfoam Pure 2.0 เป็นรองเท้าวิ่งสไตล์เรียบง่าย ราคาประหยัด ใช้งานได้ในหลายกิจกรรม โดยมี Upper เป็นผ้า Mesh โดยใช้ Primegreen ซึ่งเป็นวัสดุรีไซเคิลคุณภาพสูง มี Pull Tab ที่ลิ้นรองเท้าและหลังส้นเท้าเอาไว้ช่วยในการสวมใส่และถอดรองเท้าได้ง่ายขึ้น ในส่วนของ Sockliner ใช้วัสดุเป็น Memory foam บริเวณ Midsole ใช้เป็นเทคโนโลยี Cloudfoam ช่วยซัพพอร์ตเท้าของเรา ส่วนสุดท้าย Outsole ใช้เป็นวัสดุยางสังเคราะห์ที่มีความทนทาน วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2021
จุดเด่น
เป็นรองเท้าทรงแบบ Slip On สวมใส่คล้ายถุงเท้า มีการใช้ Primegreen ซึ่งเป็นวัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลจากขยะขวดน้ำพลาสติก รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. น้ำหนักประมาณ 250 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งทั่ว ๆ ไปที่ต้องการรองเท้าออกกำลังราคาประหยัดที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย
ลิงค์สำหรับซื้อ
7 adidas SL20 ราคาป้าย 4000 บาท
adidas SL20 เป็นรองเท้าวิ่งสายทำความเร็วดีไซน์โฉบเฉี่ยว มี Upper เป็นผ้าตาข่าย Engineered Mesh ที่ให้การระบายอากาศที่ดี น้ำหนักเบา ส่วนลิ้นรองเท้าก็เป็นแบบบาง ที่บริเวณ Midsole ใช้เทคโนโลยี Lightstrike แบบเต็มฝ่าเท้า ซึ่งจะช่วยรองรับแรงกระแทก และตอบสนองเวลาวิ่งได้ดี สะท้อนพลังงานกลับมาได้รวดเร็ว ส่วนบริเวณ Outsole ด้านหน้าเป็นยาง Continental ที่มีการยึดเกาะสูงและมีความทนทานลวดลาย Strechweb และด้านหลังจะเป็นยาง adiwear วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2020
จุดเด่น
3 Stripes ที่ได้แรงบันดาลใจจากตวัดพู่กันอักษรของญี่ปุ่น และเทคโนโลยี Lightstrike แบบเต็มฝ่าเท้าที่ตอบสนองได้ดีขณะใช้งาน ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 14 มม. ส้นเท้า 24 มม. น้ำหนักประมาณ 240 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งสาย Racing เอาไว้ซ้อมทำความเร็วแบบ Tempo หรือจะเอาไปใช้แข่งก็สามารถทำได้ในทุกระยะ
ลิงค์สำหรับซื้อ
8. adidas Adizero Adios Pro ราคาป้าย 6800 บาท
adidas Adizero Adios Pro สุดยอดรองเท้าตัวท็อปสำหรับใช้แข่งขันคู่นี้มี Upper เป็นผ้า Celermesh ที่มีความโปร่ง บาง น้ำหนักเบา และใช้โครงสร้าง microFIT ที่มีความกระชับเป็นอย่างดี ในส่วนของรูร้อยเชือกก็มีมาให้เลือกหลากหลาย บริเวณ Midsole ก็มีความหนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Lightstrike PRO ที่ช่วยรองเท้าแรงกระแทกและมีน้ำหนักเบา ซึ่งพื้นด้านหน้าข้างในจะมีการแทรกแท่งคาร์บอน 5 เส้นตามรูประดูกเท้าที่เรียกว่า EnergyRods และแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ที่ด้านในส้นเท้า และมี Outsole เป็นยางแบบบางที่มีน้ำหนักเบา วางจำหน่ายเมื่อเดือนมีนานคม 2021 ที่ผ่านมา
จุดเด่น
Upper ที่ใช้เทคโนโลยี Celermesh พื้นชั้นกลางมีการใช้ EnergyRods ที่เป็นแท่งคาร์บอน 5 เส้นตามกระดูกเท้า และแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ที่ส้นเท้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยให้วิ่งเร็ว ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 8.5 มม. ปลายเท้า 31.5 มม. ส้นเท้า 39 มม. มีน้ำหนักประมาณ 225 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งที่ต้องการรองเท้าที่ใช้ทั้งซ้อมและแข่งในการทำความเร็ว ใช้ได้วิ่งได้ตั้งแต่ระยะมินิมาราธอนจนถึงระยะมาราธอน
ลิงค์สำหรับซื้อ
9. adidas Adizero Pro ราคาป้าย 6800 บาท
adidas Adizero Pro เป็นอีกหนึ่งรองเท้าวิ่งทำความเร็วที่มีน้ำหนักเบา โดยรองเท้ารุ่นนี้มี Upper เป็นผ้าตาข่ายชั้นเดียวที่เรียกว่า Celermesh และมีโครงสร้าง microFIT ทำให้มันมีทั้งความโปร่ง การระบายอากาศที่ดี มีความกระชับ และน้ำหนักเบา ส่วนที่ Midsole ใช้เทคโนโลยี Boost ที่มีความนุ่มช่วยซัพพอร์ต และเทคโนโลยี Lightstrike ที่น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ แถมด้านในยังมี Multidirectional Carbitex ที่เป็นแผ่นคาร์บอนที่มีความดีดใช่ส่งตัวเราให้พุ่งไปข้างหน้า บริเวณ Outsole ด้านหน้าเป็นยาง Continental ส่วนด้านหลังเป็นยาง adiwear วางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2020
จุดเด่น
มีเทคโนโลยี Multidirectional Carbitex ที่เป็นแผ่นคาร์บอนใกล้กับเท้าของเรา และที่พื้นชั้นนอกมีเทคโนโลยี DSP ช่วยในการลดน้ำหนักและยึดเกาะดียิ่งขึ้น รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 9.5 มม. ปลายเท้า 12 มม. ส้นเท้า 21.5 มม. น้ำหนักประมาณ 198 กรัม
เหมาะสมกับ
สายทำความเร็ว และนักวิ่งที่ชอบรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา เอาไว้ใส่ซ้อมและแข่งได้ในคู่เดียวกัน
ลิงค์สำหรับซื้อ
10. adidas Ultraboost 4 DNA ราคาป้าย 6000 บาท
adidas Ultraboost 4 DNA เป็นรองเท้าวิ่งอเนกประสงค์ที่ใช้วิ่งได้ทุกวันและทำได้หลายกิจกรรม โดยมี Upper ที่ผลิตจากผ้าถัก Primeknit และใช้เทคโนโลยี Primeblue คือการใช้ด้ายแบบรีไซเคิลช่วยลดขยะบนโลกของเรา ที่บริเวณ Midfoot มี Cage ไว้ช่วยซัพพอร์ตตส้นเท้า ส่วน Midsole ใช้เทคโนโลยี Boost ที่ช่วยลดแรงกระแทกในขณะใช้งาน และสุดท้าย Outsole ใช้ยางที่มีคุณภาพอย่าง Continental ช่วยในการยึดเกาะได้ดีและคงทน วางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2020
จุดเด่น
ตัวรองเท้ามีการใช้เทคโนโลยี Primeblue ซึ่งเป็นการรีไซเคิลของเส้นด้าย และเทคโนโลยีตัวเก่ง Boost ของทางค่ายที่ช่วยในเรื่องการซัพพอร์ท อีกทั้งยังมี Cage ตรง Midfoot ช่วยป้องกันส้นเท้าด้วย และรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 12 มม. ส้นเท้า 22 มม. น้ำหนักประมาณ 312 กรัม
เหมาะสมกับ
นักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งอเนกประสงค์ที่ใส่คู่เดียวแล้วสามารถไปทำได้ในทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะใส่เดินเที่ยวหรือใส่ออกกำลังกายก็ได้
ลิงค์สำหรับซื้อ
www.adidas.co.th/en/ultraboost
ทั้งหมดคือ 10 รองเท้าวิ่ง Adidas ที่ทางเราได้คัดสรรมาให้นักวิ่งทั้งหน้าใหม่และนักวิ่งวัยเก๋าได้ลองเลือกไปใช้งานกัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ยังไงก็ขอให้เพื่อน ๆ เลือกใช้รองเท้าตามความเหมาะสมกับตนเอง และถ้าเป็นไปได้อยากให้นักวิ่งลองไปสวมใส่รองเท้าของจริง ทดลองเดินหรือวิ่งเบา ๆ ที่ร้านก่อน เพื่อที่จะได้รองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเราที่สุดนะ
Credit สล็อตแตกง่าย