
Stefano Bemer Oxford Semi Brogue Cap Toe เป็นรองเท้าที่ดูยาวและเรียว และรองเท้าที่มีราคาสูงจะมีหุ่นที่เรียกว่า Asymmetrical Last ซึ่งจะเป็นทรงที่ไม่สมมาตร เพราเขาจะทำให้เข้าทรงกับเท้าคน เพราะในความเป็นจริงเท้าของคนเราปกติจะไม่ได้สมมาตร มันจะมีความเอียงที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นทรงแบบนี้จะทำให้ได้สรีระที่ดีกว่า
ในเรื่องของคุณภาพหนังที่ใช้จะเป็นการใช้หนังที่มีชื่อว่า Annonay Calf Skin ซึ่งเป็นหนังที่มีคุณภาพดีมาก ๆ โดยชื่อของมันจะเป็นชื่อที่มาจากโรงฟอกหนังจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงฟอกหนักที่ดีที่สุดในปัจจุบันที่เรียกว่า Tannerie d’annonay แล้วหนังที่ดีนั้นเราจะดูอย่างไร หนังที่ดีนั้นมันจะมีความเงาในตัวของมันเอง โดยเมื่อมองด้วยตาเปล่ามันก็จะไม่ด้านและจะไม่เงาจนเกินไป สังเกตได้ง่าย ๆ จากแสงที่ตกกระทบเราจะเห็นความเงาและด้านในตัวของมันเอง
ในเรื่องการตัดเย็บรองเท้าของแบรนด์ก็เข้าขั้นเทพเลยทีเดียว เมื่อเรามาดูรายระเอียดของฝีเข็มรายระเอียดของการเย็บ การต่อรอยฉลุหรือที่เรียกว่า Brogueing เราจะเห็นได้ว่าเขาทำได้เนียนจริง ๆ ซึ่งนอกจากการ Brogueing ให้ตรงกันทุกอันแล้วที่ว่ายากแล้ว การเดินด้ายแบบเส้นคู่ หรือที่เรียกว่า Double Stitching คือเขาไม่ได้ใช้จักรที่เย็บเป็นคู่ที่เดียว 2 เส้น แต่เขาใช้การเย็บที่ละเส้นแต่เย็บให้ขนานกันเป็นรอยเล็ก ๆ เพื่อที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือการเย็บแบบเนี้ยบสุดยอด ทำให้แบรนด์นี้แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ จึงทำให้มันแตกต่าง
ในเรื่องระยะเวลาการใช้งาน ก็จะมีโครงสร้างแบบ Goodyear Welt Construction โดยตอนที่เขานำหนังเข้าไปหุ้มเย็บติดกับช่วงรอยต่อกับพื้นรองเท้า และมีการนำพื้นรองเท้าแปะเข้าไปอีกที แล้วจึงเย็บเก็บด้านข้างอีกครั้งหนึ่ง โดยรอยเย็บที่วิ่งอยู่ด้านข้างเขาทำมาเพื่อให้สามารถเปลี่ยนพื้นได้ โดยระยะการใช้งานขั้นต่ำก็อยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี โดยถ้าเราใส่ไปนาน ๆ จนพื้นสึกก็สามารถนำรองเท้าไปเปลี่ยนพื้นหรือที่เรียกว่า Resole ได้
Stefano Bemer Oxford Semi Brogue Cap Toe มีราคาอยู่ที่ประมาณ 50000 บาท ถ้าถามว่าคุ้มไหม ก็ต้องบอกว่าด้วยคุณภาพของงาน วัสดุที่ใช้ และระยะเวลาที่เขาบอกว่าสามารถใช้ได้เป็น 10 ปี ถ้าเราใส่บ่อย ใส่แล้วสบาย โครงสร้างรองเท้ามันดี ใช้งานได้ยาวนาน ก็ถือว่าคุ้มกับเงินที่เสียไป ใครสนใจก็ลองเข้าไปดูงานของแบรนด์ Stefano Bemer ได้ที่ https://www.stefanobemer.com/
เครดิตภาพจาก stefanobemer.com