รองเท้าผ้าใบ adidas ถือได้ว่าเป็นรองเท้ายอดฮิตของใครหลาย ๆ คน โดยเป็นแบรนด์ของประเทศเยอรมันซึ่งผลิตชุดเสื้อผ้า อุปกรณ์ และรองเท้ากีฬามากมายจนโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็นิยมชมชอบในตัวสินค้าของแบรนด์ 3 แถบนี้กันเป็นอย่างมาก แต่ Logo ของแบรนด์ก็ไม่ได้มีแค่ลาย The Three Strips ที่เป็นเส้น 3 แถบ แต่ยังมี The Trefoli ที่เป็นรูปใบไม้สามแฉกเน้นทางด้านแฟชั่น The Triangle รูปแถบ 3 แถบเรียงกันคล้ายรูปสามเหลี่ยมที่เน้นทางด้านกีฬา และแบบกลม ๆ ที่เรียกว่า adidas Neo ที่เน้นไลฟ์สไตล์วัยรุ่น
รองเท้าของทาง adidas ในรุ่นที่มีชื่อเสียงและเรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็จะมี adidas Superstar, adidas nmd, adidas UltraBoost และ adidas Stan Smith ซึ่งทุกรุ่นที่กล่าวมาก็มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้เราสามารถหาซื้อรองเท้าของแท้กันได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมันมีการลดราคาบ่อย ๆ ด้วย นอกจาก 3 รุ่นที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีรองเท้า adidas รุ่นใหม่ล่าสุดที่เราจะมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักดีเทลของมันกัน ซึ่งถ้ารวมกับรุ่นยอดฮิตที่เราจะมาแนะนำเพิ่มเติมอีกก็เป็นทั้งหมด 10 รุ่นเลยทีเดียว
รองเท้าตัวชูโรงสุดโดงดังคู่แรกจะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก Superstar รุ่นที่มีความนิยมตลอดกาล โดยรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปี 1969 และเริ่มเป็นที่รู้จักในอีก 1 ปีถัดมา เริ่มแรกเดิมทีถูกผลิตให้ใช้ในกีฬาบาสเกตบอลในยุค 70 แต่ต่อมาในยุค 80 ศิลปินอย่างวง RUN DMC ได้นำมาใส่เป็นรองเท้าแฟชั่น เป็นกระแสทำให้สาวกชาว HipHop นำมาใส่ตามกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งในปัจจุบันก็กลายเป็นไอเทมของชาวสตีทแฟชั่นที่ต้องมีติดบ้านเอาไว้
โดยดีเทลของรองเท้าคู่นนี้ที่เป็นจุดเด่นก็หนีไม่พ้น Toebox ลายเปลือกหอยที่ทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตา ลาย 3 แถบแบบที่มีขอบรูปฟันปลาเล็ก ๆ 3 Stripes adidas Originals ที่ข้างเท้าด้านในและข้างเท้าด้านนอก Upper ที่ใช้หนังแท้ชั้นดี ด้วยความที่มันคลาสสิกและเรียบง่ายทำให้มันเหมาะกับทุกเพศทุกวัยใส่ได้กับทุกโอกาศ และมีราคาป้ายอยู่ที่ 3200 บาท ใครชอบความ OG แบบดั่งเดิมก็เข้าไปกดกันได้ที่ www.adidas.co.th
เป็นอีกหนึ่งกระแสในช่วง 2015 โดยดีไซน์ของรองเท้าคู่นี้ได้มีการรวมรองเท้าในยุค 80 ให้เข้ากันถึง 3 รุ่นเข้าคือ Micro Pacer 1984, Rising Star 1985 และ The Boston Super 1986 โดยทางแบรดน์ได้ดึงจุดเด่นของแต่ละรุ่นออกมาจนรวมเป็น adidas NMD ที่สวยงามและถูกใจวัยรุ่น ส่วนคำว่า NMD นั่นหมายถึง NO MAD ที่แปลว่านักเดินทางที่ไม่มีกรอบ
วัสดุของรองเท้าคู่นี้ก็ประกอบไปด้วย Upper ที่ทำจากผ้าถักแบบ Mesh มี Midsole ที่เป็นเทคโนโลยี Boost ให้ความนุ่มสบายเท้า เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรองเท้าที่มีดีไซน์ทันสมัย มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในรองเท้า ส่วนราคาของมันก็อยู่ที่ 4600 บาท อยากได้เป็นเจ้าของก็เข้าไปดูกันได้ที่ www.adidas.co.th
เป็นรองเท้าที่ไม่มีเส้น 3 แถบแต่ใช้เจาะเป็นรูประบายอากาศ 3 เส้นแทน ซึ่งจริง ๆ รองเท้ารุ่นนี้เป็นรองเท้าที่ผลิตมาเพื่อใช้ในกีฬาเทนนิสในปี 1963 แต่มันใช้ชื่อว่า Halliet ซึ่งตั้งชื่อตามนักเทนนิสคนนี้ แต่ต่อมาเมื่อเขาได้เลิกเล่นไปแล้ว ทาง adidas ก็ต้องหาคนมาสานต่อตำนานของรองเท้ารุ่นนี้ โดยได้ไปเจอกับ Stan Smith นักกีฬาเทนนิสคนใหม่ซึ่งเขาก็ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงบางอย่างของรองเท้าเช่นการใส่หน้าตนเองเข้าไปบน Logo บนลิ้นรองเท้า และต่อมาก็ได้กลายเป็นที่นิยมจนเปลี่ยนมาเป็นรองเท้าแฟชั่นในที่สุด
Upper ของรุ่นนี้จะใช้เป็นวัสดุหนังสังเคราะห์ โดยใช้ Primegreen ซึ่งเป็นวัสดุรีไซเคิลประสิทธิภาพสูง ประกอบอยู่บนตัวรองเท้าถึง 50% และไม่มีการใช้โพลีเอสเตอร์เป็นส่วนประกอบเลย ส่วน Outsole ก็ผลิตจากพื้นยางที่มีความคงทนและยึดเกาะได้ดี เหมาะสำหรับสาย Minimal ที่ชอบความเรียบง่ายไม่เยอะจนเกินไป และมันมีราคาป้ายอยู่ที่ 2800 บาท ใครถูกใจเข้าไปกดกันได้ที่ www.adidas.co.th
ถือว่าเป็นรองเท้ารุ่นบุกเบิกของแบรนด์ adidas เลยก็ว่าได้ เพราะว่ามันมีการเริ่มผลิตตั้งแต่ช่วงยุค 50 และได้ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ จนถึงในยุคปัจจุบัน โดยมีพื้นฐานมาจากรองเท้าฟุตบอล โดยจุดเด่นของรองเท้าคู่นี้เมื่อก่อนจะเป็นหนังจิงโจ้คุณภาพสูงที่ถูกใช้บน Upper และต่อมาเมื่อมีความนิยมเป็นอย่างมากมันก็ได้กลายเป็นตัวแทนรองเท้าสตีทฟุตบอล ซึ่งคนที่เล่นฟุตบอลข้างถนนนำมาสวมใส่เวลาเล่นกันอย่างแพร่หลาย
รายละเอียดต่าง ๆ ของรองเท้ารุ่นนี้ก็จะมี Upper ที่เป็นหนังจิงโจ้แท้ มี Toebox ใช้วัสดุเป็นกำมะหยี่ มีชื่อรุ่น Samba สีทองสกรีนอยู่ที่ข้างเท้าด้านนอก ใกล้บริเวณตาตุ่มด้านนอกจะมีการปั๊มคำว่าadidas Originals พร้อม Logo รูปใบไม้ ส่วน Outsole ก็จะใช้เป็นพื้นยางที่มีความเหนียวคงทน เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบในความคลาสสิกของกีฬาฟุตบอล และมันมีราคาป้ายอยู่ที่ 3800 บาท สามารถเข้าไปซื้อกันได้ที่ www.adidas.co.th
รองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ UltraBoost ซึ่งเทคโนโลยี Boost นั้นได้เปิดตัวมาในปี 2013 และได้กลายเป็นเทคโนโลยียอดฮิตที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี โดย Boost นั่นผลิตมาจากอนุภาคเทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน TPU ที่มีคุณสมบัติในการส่งคืนพลังงานในขณะที่เราใช้งาน สวมใส่สบาย ลดแรงกระแทก ทำให้เรารู้สึกเบาเหมือนวิ่งอยู่บนก้อนเมฆ
ดีเทลของ UltraBoost รุ่นใหม่นี้จะมีการใช้ Upper ที่เป็นผ้าถักทอจากด้าย Primeknit+ ขยับไปที่ Midsole จะมีการใช้เทคโนโลยี Boost แบบใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 6% และมี Outsole Stretchweb ทำจากยาง Continental ที่มีความคงทนแข็งแรงเช่นเดิม มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 340 กรัม มีดรอปอยู่ที่ 10 มิลลิเมตร ด้านหน้าเท้า 20.5 มิลลิเมตร ด้านส้นเท้า 30.5 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รองเท้าคู่เดียวในชีวิตประจำวันและต่อด้วยการออกกำลังกายแบบไม่หนักมาก มีราคาป้ายอยู่ที่ 6500 บาท เข้าไปเลือกซื้อกันได้ที่ www.adidas.co.th
เปิดตัวครั้งใหม่ในยุค 2000 แต่ถ้าเป็นตัวดั่งเดิมเลยจะมีมาตั้งแต่ปี 1984 โดยมีคอนเซ็ปต์ของรองเท้าว่าผลิตมาให้ครอบคลุมหลุ่มนักวิ่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งระยะใดหรือนักวิ่งประเภทไหน และเมื่อ adidas ZX ได้กลับมาผลิตใหม่อีกครั้งและอัพเกรดเป็น 2K Boost มีการเสริมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามากมายแต่โมเดลยังคงมีความคลาสสิกของยุค 90 อยู่ โดยครั้งนี้ไม่ได้ผลิตมาเพื่อเป็นรองเท้าวิ่งอีกแล้ว เพราะทางแบรนด์ได้ใส่ลูเล่นต่าง ๆ เข้ามาเพื่อให้เราสามารถใช้เป็นรองเท้าแฟชั่นไลฟ์สไลต์ได้เลย
Upper ของคู่นี้จะใช้วัสดุเป็นผ้าตาข่ายโอบกระชับเท้าและมีโครงสร้างของ TPU ช่วยในเรื่องความแข็งแรง ที่ Midsole ใช้เทคโนโลยี Boost ตามแบบฉบับของทางแบรนด์ที่ช่วยลดแรงกระแทก ส่วน Outsole เป็นพื้นยางแบบที่มีการเจาะร่องเพื่อลดน้ำหนักของรองเท้าและโชว์ให้เห็นตัว Boost ที่ด้านบน มีราคาป้ายอยู่ที่ 4600 บาท เหมาะกับคนที่ชอบสีสันแบบจัดจ้าน มีความทันสมัยของคนเมือง วัยรุ่นคนไหนสนใจเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ www.adidas.co.th
เป็นรองเท้าที่โด่งดังจากยุค 1980 แม้มันจะเริ่มมาจากรองเท้ากีฬา แต่มันกลับเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะมีศิลปินมากมายนำมาสวมใส่ในสมัยนั้น เช่นวงดนตรีชื่อดังอย่าง Beastie Boys โดยจุดเด่นของรองเท้าคู่นี้ก็คือเมื่อก่อนทางบีรด์จะใช้หนังกลับที่ผลิตจากหนังของวัว มีความเป็นเอกลักษณ์และมีความนุ่มสบายในการสวมใส่
รุ่นปัจจุบัน Upper ของมันได้เปลี่ยนจากการใช้หนังกลับของวัวมาเป็นหนังกลับของหมูแทน ซึ่งจะมีขนที่ยาวและฟูกว่าของเดิม ส่วน Outsole ก็จะใช้พื้นยางที่มีลวดลายแบบดั่งเดิม เหมาะสมกับคนที่ชื่นชอบในความคลาสสิกและจิตวิญญาณของรองเท้าในสมัยก่อน มีความเรียบง่ายแต่เท่ที่ไม่ต้องการเทคโนโลยีอะไรมากมาย มีราคาป้ายอยู่ที่ 3500 บาท แต่ตอนนี้ลดราคาอยู่เหลือเพียงแค่ 17450 บาท สามารถเข้าไปซื้อกันได้ที่ www.adidas.co.th
เป็นรองเท้าที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 1960 และได้ถูกนำมาให้นักกีฬาสวมใส่ในโอลิมปิกในปี 1964 ซึ่งมันโด่งดังสุด ๆ ในปี 1972 เพราะนักกีฬาที่ชื่อว่า Mark Spitz สามารถคว้าเหรียญทองได้ทั้งหมด 7 เหรียญ โดยที่เขาสวมใส่รองเท้ารุ่นนี้ในการขึ้นโพเดียมรับเหรียญทองนั่นเอง ต่อมาพอเข้าสู่ในยุค 80 – 90 ก็ได้มีนักร้องและวงดนตรีชื่อดังหลายคนนำมาใส่เล่นคอนเสิร์ต เช่นวง Oasis ซึ่งจะมีรุ่นพิเศษโดยมีรูปหน้าของนักร้องนำ Noel Gallagher อยู่บนลิ้นรองเท้าเลย
ส่วนในรุ่นปัจจุบันของรองเท้าคู่นี้จะมี Upper ที่ขึ้นต้นแบบใหม่ ใช้การผสมผสานวัสดุระหว่างหนังแท้และหนังกลับ ซึ่งถ้าดูแค่รวม ๆ โมเดลจะมีความคล้ายคลึงกับรุ่น adidas Campus อยู่บ้าง แต่มีความแตกต่างกันตรงจุดเด่นของ Gazelle จะอยู่ตรงหนังกลับบริเวณ Toebox รูปตัว T และเป็นโมเดลต้นแบบของรองเท้าหลาย ๆ คู่ ส่วน Outsole จะใช้พื้นยางที่มีการวางพื้นรูป 6 เหลี่ยมเล็ก ๆ ไว้จำนวนมากเพื่อการยึดเกาะที่ดีของพื้นรองเท้า เหมาะสำหรับคนที่ชอบรองเท้าแนว Retro และมันมีราคาป้ายอยู่ที่ 3500 บาท ใครชื่นชอบก็เข้าไปกดกันได้ที่ www.adidas.co.th
รองเท้าไร้เชือกที่มาในโมเดลของรองเท้ารุ่นยอดฮิตอย่าง Superstar ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1969 แต่ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายระเอียดหลาย ๆ อย่าง โดยหลัก ๆ คือการใช้ผ้ายางนีโอพรีนที่มีความยืดหยุ่นมีแถบใหญ่ ๆ 2 แถบคาดที่กลางเท้าให้ความกระชับแทนการผูกเชือกรองเท้า แต่ยังคงรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของช่วง Toebox ที่เป็นรูปเปลือกหอยเอาไว้
มีการใช้ Upper ที่เป็นผ้าตาข่ายเนื้อระเอียดเป็นแบบทรง Slip On มีความยืดหยุ่นพอสมควร ทำให้เราสามารถสวมรองเท้าเข้าไปได้เลย โดยจะมีตัว Pull Tab ที่บริเวณด้านบนลิ้นรองเท้าที่ทำจากหนักและช่วงส้นรองเท้า เอาไว้ใช้เราใช้ดึงเพื่อให้สวมใส่หรือถอดออกได้ง่าย Outsole จะใช้พื้นยางตัวด้วยกับ Superstar เลย โดยมันจะมีอยู่ทั้งหมด 2 สี คือสีขาวกับสีดำให้เราเลือก เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ชายที่นิยมการความสะดวกในการสวมใส่รองเท้าแบบง่าย ๆ และมันมีราคาป้ายอยู่ที่ 3200 บาท ถูกใจก็เข้าไปซื้อกันได้ใน www.adidas.co.th
กลับมาอีกครั้งกับรองเท้าที่ผลิตขึ้นในยุค 80 หนึ่งในรุ่นรองเท้าของทางค่ายที่ไม่มีสัญลักษณ์ 3 แถบ แต่จะมีคู่แถบสีด้านข้าง 2 เส้น ที่ใช้การคาดแบบเฉียงเข้ามาแทน เดิมเป็นรองเท้าที่ใช้สำหรับกีฬาเทนนิส ปัจจุบันได้นำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งโดยยังคงใช้โมเดลที่มีเอกลักษณ์แบบเดิม ๆ ของตัวรองเท้าเอาไว้ โดยจะมี Logo adidas แบบกรอบ 4 เหลี่ยมอยู่ที่บริเวณด้านข้างของรูร้อยเชือก
มี Upper ที่ผลิตจากหนังฟูลเกรน ด้านในรองเท้าจะมีการใช้ผ้าซับเฟรนช์เทอร์รียที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย Midsole ใช้โฟม EVA ให้ความนุ่มสบายเท้า มีน้ำหนักเบา ส่วน Insole จะใช้แผ่นรองฝ่าเท้าแบบ OrthoLite สุดท้าย Outsole ก็ใช้ยางที่มีการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมและคงทน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรองเท้าที่มีความเป็นทางการเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้แบบเบาสบายใช้เดินได้นาน ๆ ไม่เมื่อยเท้า มีราคาป้ายอยู่ที่ 3500 บาท ใครชอบรองเท้าลักษณ์นี้ก็เข้าไปกดกันได้ที่ www.adidas.co.th
ทั้งหมดคือ 10 รองเท้าผ้าใบ Adidas ที่สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีทั้งรองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุดและรองเท้ารุ่นคลาสสิกที่นำมาผลิตใหม่ซึ่งเป็นของแท้ทั้งหมด อีกทั้งบางคู่ที่นำเสนอไปยังมีการลดราคาอีกด้วย ใครที่ชอบรองเท้า adidas Supperstar, adidas nmd หรือ adidas ในไลน์ผลิตของ Neo ก็มีนำมาให้เลือกอ่าน ชอบคู่ไหนจัดไปคู่นั้น
รีวิวรองเท้าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่ง รองเท้าบอล รองเท้าลำลอง รองเท้าบาส ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย คุณจะไม่พลาดรองเท้าคู่เก่งคู่ใหม่ของคุณอย่างแน่นนอน